รู้จักอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
รู้จักอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
2.1 อาหารทดแทนสูตรครบถ้วน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน คืออะไร
อาหารทดแทนสูตรครบถ้วน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน (Diabetes Specific Formula หรือ DSF) เป็นอาหารสูตรครบถ้วนที่มีส่วนประกอบของสารอาหารที่จำเป็นครบทั้ง 5 หมู่ และมีสัดส่วนในแต่ละชนิดที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน โดยสามารถใช้ทดแทนอาหารมื้อหลักหรือเป็นอาหารเสริมระหว่างมื้อได้ ตามคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์
2.2 ทำไมอาหารทดแทนสูตรครบถ้วน จึงเหมาะสมกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยเบาหวาน จำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารที่มีคุณภาพในสัดส่วนที่สมดุลและเหมาะสม เช่น คาร์โบไฮเดรตที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low glycemic index) โปรตีนคุณภาพดีในปริมาณที่เพียงพอ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fatty Acid หรือ MUFA) กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fatty Acid หรือ PUFA) ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด รวมถึงการช่วยควบคุมน้ำหนักตัว ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคร่วมจากโรคเบาหวาน เช่น โรคหัวใจ หรือโรคไต เป็นต้น1
2.3 อาหารทดแทนสูตรครบถ้วน มีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างไร
จากงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า อาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานมีภาวะโภชนาการที่สมดุลขึ้น และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้นในระยะยาว2 เนื่องจากอาหารสูตรเฉพาะนี้จะช่วยส่งเสริมการหลั่งฮอร์โมน Glucagon-like peptide-1 หรือ GLP-13-6
ส่งผลให้ร่างกาย...
- เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
- ลดการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน7 ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
จึงมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด หลังรับประทานอาหารเมื่อเทียบกับอาหารควบคุม3-6 โดยพบว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่รับประทานอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานมี GLP-1 และอินซูลินในเลือดหลังรับประทานอาหารได้สูงกว่าผู้ป่วยที่รับประทานข้าวโอ๊ต5
นอกจากนี้ GLP-1 ยังมีบทบาทในการควบคุมความหิวและความอิ่ม โดยช่วยลดความอยากอาหาร และรู้สึกอิ่มนานขึ้น8,9 จึงช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัวของผู้ป่วยบาหวานอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อใช้รับประทานทดแทนมื้ออาหารหลักบางมื้อเพราะการควบคุมอาหารในระยะยาวไม่ใช่เรื่องง่าย อาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้การควบคุมระดับน้ำตาลของคุณไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
2.4 คำแนะนำในการใช้อาหารทดแทนสูตรครบถ้วน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
อาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานสามารถใช้ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีปัญหาการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หรือมีภาวะเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อย รวมถึงมีส่วนช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนักตัวในผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกิน โดยมีคำแนะนำในการรับประทานดังนี้
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือมีภาวะก่อนเบาหวาน10
- สามารถรับประทานอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ปริมาณครั้งละ 1 แก้ว โดยรับประทานทดแทนมื้ออาหารหลัก 1 มื้อต่อวัน เช่น มื้อเช้า หรือ มื้อเย็น ร่วมกับการรับประทานอาหารปกติ 2 มื้อ
- การได้รับอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำในมื้อเช้า จะช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างวัน ลดความแปรปรวนของระดับน้ำตาลในเลือด การรับประทานในมื้อเย็นจะช่วยควบคุมภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำช่วงกลางคืน และลดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูงช่วงเช้า
สำหรับผู้ป่วยเบาหวานขณะตั้งครรภ์11,18
- สามารถรับประทานอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ปริมาณครั้งละ 0.5 แก้ว จำนวน 1-2 มื้อต่อวัน เช้าและบ่าย โดยดื่มทดแทนมื้ออาหารว่างตามปกติ
- หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับพลังงานและโปรตีนมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อพัฒนาการของทารก ทั้งนี้การเลือกอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน จะช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างมื้ออาหารได้ดีกว่าอาหารว่างอื่นๆ ที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงอีกทั้งยังมีสารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ครบถ้วนมากกว่า
สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกิน หรือโรคอ้วนร่วมด้วย10
- สามารถรับประทานอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ปริมาณครั้งละ 1 แก้ว โดยรับประทานทดแทนมื้ออาหารหลัก 2 มื้อต่อวัน เช่น มื้อเช้า และมื้อเย็น ร่วมกับการรับประทานอาหารปกติ 1 มื้อ เช่น มื้อกลางวัน
- การรับประทานอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนแทนมื้ออาหารจะช่วยควบคุมพลังงานที่ได้รับ ช่วยควบคุมน้ำหนักตัวลดลง ลดภาวะดื้ออินซูลิน และยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวานในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น ผู้ป่วยควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์เพื่อปรับสัดส่วนของอาหารมื้อหลักและอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ให้เหมาะสม เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณา เช่น สัดส่วนของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ น้ำหนักตัว และการควบคุมระดับน้ำตาล ซึ่งแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย
2.5 การใช้อาหารทดแทนสูตรครบถ้วน ควบคู่ไปกับการรักษาเบาหวานในทุกขั้นตอน
อาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน สามารถใช้เป็นทางเลือกควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์ได้ในทุกระยะของโรคเบาหวาน
- ผู้ป่วยในระยะก่อนเป็นโรคเบาหวาน อาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน จะช่วยให้ผู้ป่วยจำกัดพลังงาน ควบคุมน้ำหนักตัว ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวานในอนาคต
- ผู้ป่วยเบาหวานที่เพิ่งเริ่มรักษาด้วยยารับประทาน หรือมีการปรับเพิ่มขนาดและชนิดของยา อาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ยังให้สารอาหารที่ครบถ้วน เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
- ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาฉีดเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด อาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน จะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระหว่างมื้ออาหารได้ ลดความแปรปรวนของระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความเสี่ยงของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่าอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานมีบทบาทสำคัญในทุกขั้นตอนของการดูแลรักษาโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตามผู้ป่วยเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับสัดส่วนของอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ให้เหมาะสมตามแต่ระยะของการรักษา
2.6 ประโยชน์ของอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนที่ครอบคลุมถึงผู้ป่วยเบาหวานในแต่ละกลุ่ม
- ภาวะก่อนเป็นโรคเบาหวาน (Prediabetes) เป็นภาวะที่เริ่มมีความผิดปกติในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คือ มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารอยู่ที่ 100-125 มก./ดล. หรือมีระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหารมากกว่า 140-199 มก./ดล. ซึ่งคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานในอนาคตมากกว่าคนทั่วไป ในกลุ่มผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและมีน้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน จากงานวิจัยพบว่าการได้รับคำปรึกษาทางด้านโภชนาการอย่างเหมาะสม และวางแผนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มงวด หรือได้รับอาหารทดแทนมื้ออาหารควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้น้ำหนักตัวลดลง มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานในอนาคตได้ถึง 58%13 และประโยชน์ต่อสุขภาพนี้ยังคงส่งผลดีต่อเนื่องในระยะยาว โดยพบว่าในอีก 15 ปีต่อมา อัตราเสี่ยงของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวานยังลดลงถึง 27% ทั้งยังมีภาวะแทรกซ้อนของโรคหลอดเลือดขนาดเล็กลดลงถึง 28%14
- โรคเบาหวาน (Diabetes Mellitus) เป้าหมายในการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน คือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติโดยไม่เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ การลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนจาก โรคเบาหวาน และการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว โดยมีการศึกษาในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีน้ำหนักตัวเกินพบว่ามีส่วนช่วยให้โรคเบาหวานหายขาดในช่วงระยะเวลา 2 ปี เมื่อได้รับอาหารทดแทนมื้ออาหารทั้ง 3 มื้อ ร่วมกับมีการวางแผนเพื่อควบคุมน้ำหนักตัวในระยะยาว โดยหากมีน้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 10 กิโลกรัม จะมีโอกาสหายขาดได้ถึง 57% และหากลดน้ำหนักได้มากกว่า 15 กิโลกรัม จะเพิ่มโอกาสในการหายขาดได้ถึง 86%15 นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่ยืนยันถึงประโยชน์ของการรับประทานอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานทดแทนอาหารมื้อเช้าว่า มีส่วนช่วยควบคุมความแปรปรวนของระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่าการได้รับคำแนะนำทางโภชนาการเพียงอย่างเดียว12,16 ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้
- โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus) เป้าหมายในการรักษาโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับใกล้เคียงปกติมากที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงของปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งต่อมารดาและทารก เช่น ภาวะแท้ง ภาวะครรภ์เป็นพิษ ภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ และทารกพิการแต่กำเนิด เป็นต้น ซึ่งมีการศึกษาพบว่าหญิงที่เป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่รับประทานอาหารทดแทนสูตรครบถ้วนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานแทนอาหารว่างสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี17 อย่างไรก็ตามควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อปรับสัดส่วนของอาหารทดแทนให้มีความเหมาะสม
ที่มา:
1ADA Standards of Medical Care in Diabetes-2018. Diabetes Care 2018;41(Suppl. 1):S1-S159
2Chee WSS, Gilcharan Singh HK, Hamdy O, et al. BMU Open Diab Res Care 2017;5:e000 384. doi: 10.1136/ bmjdrc-2016-000384.
3Voss AC et al. Nutrition 2008, 24:990-997.
4Mottalib A et al. Nutrients 2016, 8, 443; doi: 10.3390/nu8070443
5Devitt A et al. Journal of Diabetes Research and Clinical Metabolism 2012, 1:20.
6Davila LA et al. Nutrients 2019, 11, 1477; doi: 10.3390/nu1 107 1477
7Lim G., Brubaker P. Diabetes 2006. 55 (Suppl. 2):S70-S77.
8Shah M, Vella A. Rev Endocr Metab Disord 2014, 15(3): 181- 187. doi: 10. 1007/s 11 154-014-9289-5.
9Dailey MU.,Moran TH. Trends Endocrinol Metab 2013, 24(2): 85-91. doi: 10. 1016/j.tem.20 12.11.008.
10Mechanick JI et al. Curr Diab Rep. 2012
11Liu J et al. Laser J. 2013;34:75.
12Garber AJ et al. Endocr Pract 2020;26(1):107-139.
13Knowler WC et al. N Engl J Med. 2002;7;346(6):393-403.
14Diabetes Prevention Program Research Group. Lancet Diabetes Endocrinol. 2015;3(11):866-75.
15Lean MEJ et al. Lancet Diabetes Endocrinol. 2019;7(5):344-355. doi:10.1016/S2213-8587(19)30068-3
16Peng J et al. Br J Nutr 2018;11:1-25.
17Mustad VA et al. Nutrients. 2020;12(2):385.
18Yu X.Y et al. National Medical Journal of China. 2013. 93(43):3450-3453.
อาหารทางการแพทย์ ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
TH.2022.33272.GLU.1 (v1.0)©2023Abbott